อีกหนึ่งฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่รู้จักกันดี นั่นคือ SME (Small and Medium Enterprises) หรือที่เรียกว่า วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเป็นธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิต การค้า และการบริการ เป็นกิจการที่มีการเงินลงทุนต่ำ มีความเป็นอิสระ พนักงานจำนวนน้อย และไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของธุรกิจหรือบุคคลอื่นบุคคลใด ปัจจุบันประเทศไทยมีธุรกิจ SME เป็นสัดส่วนมากถึงร้อยละ 99.54 ของวิสาหกิจทั้งประเทศ หรือคิดเป็นจำนวนมากกว่า 3.1 ล้านราย มีการจ้างงานกว่า 12.7 ล้านคน หรือคิดเป็น 71.70% ของการจ้างงานทั้งหมดของประเทศ มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่เกิดจาก SMEs ประมาณร้อยละ 34.2 ของ GDP ทั้งประเทศ [1] จากข้อมูลสถิตินี้ จะเห็นได้ว่า SME มีบทบาทในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศในทุก ๆ ด้าน
อย่างไรก็ตาม จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 เป็นต้นมา ต่างต้องยอมรับว่า มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายและรวดเร็วเกิดขึ้นในระบบสังคมและเศรษฐกิจไม่ใช่แค่ในระดับประเทศแต่รวมถึงระดับโลกด้วย และธุรกิจ SME ก็คือหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน สำหรับประเทศไทยแล้ว กลุ่มธุรกิจแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบและได้รับผลกระทบค่อนข้างหนักนั่นคือ ธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับธุรกิจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก เป็นต้น ซึ่งกลุ่มธุรกิจ SME ก็มีไม่น้อยที่อยู่ในภาคธุรกิจนี้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จะลดน้อยลง รัฐบาลเองก็ได้มีนโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของไทยก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ทันที เนื่องจากผู้บริโภคบางส่วนยังคงต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันกันอยู่ เช่น การขึ้นรถสาธารณะ การรับประทานอาหารนอกบ้าน การไปท่องเที่ยวตามเทศกาล เป็นต้น
ดังนั้น ธุรกิจ SME จึงต้องมีการปรับตัวอย่างมาก เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน รูปแบบธุรกิจหรือ Business Model ก็จำต้องปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจ SME ควรต้องทำการศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับ 5 Mega Trend ที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของโลก เพื่อเป็นข้อมูลในการปรับตัวในการทำธุรกิจ ดังนี้ [2]
1. Rise of Non-OECD คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ถึงแม้จะมีค่า GDP ต่อหัวที่ต่ำแต่เมื่อรวมกันแล้วประชากรกลุ่มนี้มีจำนวนมาก ดังนั้น ขนาดของเศรษฐกิจที่เกิดจากคนกลุ่มนี้ก็จะมีมูลค่ามากเช่นกัน
2. Aging Society คือ กลุ่มผู้สูงอายุที่มีพฤติกรรมที่แตกต่างจากกลุ่มผู้สูงอายุในอดีต กลุ่มนี้ในอนาคตจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น อายุยืนยาวขึ้น และมีไลฟ์สไตล์เหมือนกลุ่มชนชั้นกลาง (Middle Income หรือ Middle Age) มากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการ SME อาจจะต้องมีการคิดเรื่องสินค้าหรือบริการที่สามารถตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ได้ด้วย
3. Urbanization คือ ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนก็สามารถเชื่อมต่อกับสังคมได้ เข้าถึงสินค้าหรือบริการต่างๆ ได้ ผ่านทาง Social Media ซึ่งประเด็นนี้เกิดขึ้นก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 แต่หลังจากมีการแพร่ระบาดทำให้ประเด็นนี้เกิดการปรับตัวที่เร็วขึ้น
4. Rise of Middle Income Class คือ กลุ่มชนชั้นกลางมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย
5. Technology Disruption คือ นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ จะสามารถสร้างมูลค่าให้กับตลาดและเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีได้
อย่างไรก็ดี Mega Trend ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
บางอย่างก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมาก่อนหน้านั้นแล้ว เพียงแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เป็นตัวเร่งให้เกิดการปรับตัวอย่างกะทันหัน และเกิดเร็วขึ้น
เทคโนโลยี หนึ่งในการปรับตัวของ SME
หนึ่งใน Mega Trend ที่สามารถสร้างผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจคือ Technology Disruption ซึ่งในความเป็นจริงการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น มีมาก่อนที่จะเกิดการเผยแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 แล้ว โดยธุรกิจ SME เองก็มีการปรับตัวโดยนำเอาเทคโนโลยีทีทันสมัยเข้ามาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ตั้งแต่การผลิตสินค้าหรือบริการรูปแบบใหม่ๆ จนกระทั่งถึงการขายกันบ้างแล้ว เช่น การนำแนวคิด Internet of Things มาใช้เพื่อยกระดับการใช้งานหรือใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีต่างๆ การใช้แนวคิดปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาช่วยสร้างงานเนื่องจากในอนาคตแรงงานมนุษย์จะลดลงจากปัญหาสังคมผู้สูงอายุ การใช้การวิเคราะห์ข้อมูลหรือ Data Analytics มาวิเคราะห์หาข้อมูลเชิงลึก เพื่อช่วยผลักดันให้ธุรกิจเคลื่อนตัวไปได้อย่างรวดเร็วและชาญฉลาดมากขึ้น หรือการโทรคมนาคมยุคใหม่ หรือ Next Generation Telecom ที่มีการพัฒนา 5G ต่อจาก 4G เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ถึง 6G-7G ซึ่งจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาด้านต้นทุนของเทคโนโลยีรุ่นก่อนหน้าเพื่อผลประโยชน์ของผู้ใช้งาน [3]
บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT พร้อมให้การสนับสนุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยโดยมุ่งเน้นในการส่งเสริมประสิทธิภาพของธุรกิจ SME ในด้านของการเพิ่มศักยภาพด้านการสื่อสารในยุคดิจิทัลด้วยสัญญาณอินเทอร์เน็ต เน้นความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูล รวมถึงมีทีมบริการดูแล ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน เพราะแค่อินเทอร์เน็ตบ้านอาจไม่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ
โดยทั่วไป อินเทอร์เน็ตบ้านที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเป็นรูปแบบการส่งสัญญาณแบบแบ่งสัญญาณกับผู้ใช้อื่น หากในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมาก อัตราความเร็วในการดาวน์โหลดหรืออัปโหลดก็จะลดลงตามสัดส่วนผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันคนหนึ่งคนอาจมี Device มากกว่า 2 ชิ้น ทำให้สัดส่วนการแบ่งใช้งานนั้นเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งหากผู้ประกอบการนำอินเทอร์เน็ตบ้านมาใช้กับธุรกิจหรือบริษัท ขนาดพนักงานจำนวน 5 คน เฉลี่ยคน 1 คนมี Laptop และมือถือ นั้นหมายถึงการมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออย่างต่ำจำนวน 10 ชิ้น ที่ต้องแบ่งความเร็วสัญญาณกัน ยังไม่นับรวมเครื่องพิมพ์งาน ทีวี และอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น กล้องวงจรปิดอีกด้วย การแบ่งสัญญาณการใช้งานขนาดนี้จึงอาจทำให้การติดต่องานธุรกิจเกิดความล่าช้า ไม่มีความเสถียร และเสียโอกาสด้านการค้าไปอย่างน่าเสียดาย
NT SME Boost Up ตัวช่วยอันดับหนึ่งของ SME
NT SME Boost Up อีกหนึ่งบริการของ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ที่พร้อมมอบบริการพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางถึงเล็กหรือ SME ที่ต้องการสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพสูง มีความเสถียรของสัญญาณ และที่สำคัญคือมีความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูล อีกทั้งยังมีบริการหลังการขายด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น 2 หมวดใหญ่ ดังนี้
1. หมวด Voice
หมวด Voice สามารถใช้การโทรสื่อสารได้ทั้งภายในและภายนอกหน่วยงานหรือองค์กร สินค้าที่ได้รับความนิยมคือ IP Phone และ Cloud PBX ที่ใช้แทนระบบ PBX โดย Cloud PBX ไม่ต้องมีตู้สาขาโทรศัพท์ ทำให้ประหยัดงบประมาณ ใช้งานง่าย และสะดวก โดยระบบนี้องค์กรสามารถเลือกใช้เบอร์โทร 02 เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่องค์กรได้ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อ โอนสายเบอร์ 02 เข้าสู่มือถือส่วนตัว Tablet หรือแม้กระทั่ง Laptop ได้อีกด้วย จึงทำให้การทำงานสะดวกเพราะสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ภายใต้เบอร์กลางขององค์กร
2. หมวด Data
หมวด Data เป็นกลุ่มที่ใช้อินเทอร์เน็ตในการรับส่งข้อมูล ซึ่งแบ่งบริการได้ ดังนี้
2.1 Lease Line Internet เป็นบริการเช่าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงซึ่งเป็นบริการเส้นทางสื่อสารส่วนบุคคลในการรับส่งข้อมูลภาพและเสียง ระหว่างสถานที่ 2 แห่ง ที่อยู่ในเครือข่ายสื่อสารข้อมูลของแต่ละองค์กร ความเร็วในการรับส่งข้อมูล (Speed) คงที่ตาม Bandwidth ที่ใช้ เพราะไม่มีการ Share ข้อมูลร่วมกับวงจรอื่น ๆ จึงไม่เกิดสภาวะคอขวด มีความปลอดภัยสูงและโซลูชันพิเศษที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร พร้อมทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญและศูนย์ปฏิบัติการ Network Operation Center (NOC) ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังสามารถจัดสรรหมายเลข Public IP Address แบบคงที่ (Fixed IP) ตามจำนวนที่ต้องการ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถวาง Server หรืออุปกรณ์อื่น ๆ เช่น VPN Gateway เพื่อรองรับการเชื่อมต่อจากสำนักงานสาขา หรือการปฏิบัติงานนอกสถานที่ผ่าน VPN ได้
2.2 Premium Leased Line Internet การใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบ Full Bandwidth ที่แชร์ใช้สัดส่วนระดับความเร็ว อินเทอร์เน็ตในท่อเดียวกัน แบ่งการบริการเป็น 2 ลักษณะคือ
2.2.1 แบบ Package
– Advance Package หากองค์กรต้องการใช้อินเทอร์เน็ตภายประเทศเพียงอย่างเดียว จะใช้ได้สูงสุด 100% ของระดับความเร็วที่เลือกใช้ เหมาะสำหรับโรงเรียนขนาดใหญ่ วิทยาลัย บริษัท โรงแรม โรงพยาบาล หรือโรงงานขนาดเล็ก ในกรณีที่ต้องการใช้อินเทอร์เน็ตต่างประเทศ ก็สามารถใช้ได้ 25% ของระดับความเร็วที่เลือกใช้
– Premium Package หากองค์กรต้องการใช้อินเทอร์เน็ตภายประเทศเพียงอย่างเดียว จะใช้ได้สูงสุด 100% ของระดับความเร็วที่เลือกใช้ เหมาะสำหรับสถาบันการศึกษา บริษัท โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม หรือโรงพยาบาลขนาดเล็ก ในกรณีที่ต้องการใช้อินเทอร์เน็ตต่างประเทศ ก็สามารถใช้ได้ 50% ของระดับความเร็วที่เลือกใช้
– All International Package หากองค์กรต้องการใช้อินเทอร์เน็ตภายประเทศเพียงอย่างเดียว จะใช้ได้สูงสุด 100% ของระดับความเร็วที่เลือกใช้ เหมาะสำหรับโรงแรมระดับ 5 ดาว บริษัทนำเข้า/ส่งออกขนาดใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรมที่มีสาขาในต่างประเทศหลายสาขา หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ใน ท้องถิ่นที่ตั้งอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ ในกรณีที่ต้องการใช้อินเทอร์เน็ตต่างประเทศ ก็สามารถใช้ได้สูงสุด 100% ของระดับความเร็วที่เลือกใช้
2.2.2 Tailor Made บริการอินเทอร์เน็ตที่กำหนดระดับความเร็วตามความต้องการของลูกค้า โดยแบ่งท่ออินเทอร์เน็ตภายใน
2.3 Eco-Leased Line Internet เป็นอินเทอร์เน็ตรูปแบบใหม่ที่มีราคาประหยัด โดยการใช้งานจะเป็น แบบ Shared Bandwidth โดยอัตราส่วนการใช้งานอินเทอร์เน็ตภายในประเทศและต่างประเทศจะมีคุณภาพกว่าอินเทอร์เน็ตบ้านทั่วไป ซึ่งอาจจะไม่ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับธุรกิจที่กำลังเติบโตและ SME
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจใช้บริการของ NT SME Boost Up เพื่อที่ต้องการที่จะมีอินเทอร์เน็ตเครือข่ายที่ดีใช้นั้นก็สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ผ่านทาง Facebook Page : NT shop กรุงเทพและปริมณฑล หรือสามารถติดต่อผ่านทางเว็บไซต์ https://nt-metro-service.com หรือติดต่อผ่านช่องทาง ID LINE @NTSMESolutionBKK
แหล่งอ้างอิง
[1] https://www.sme.go.th/upload/mod_download/download-20211012150719.pdf
[2] https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/covid19-newnormal-with-sme
[3] https://www.sentangsedtee.com/job-is-money/article_197749