ภายในองค์กรมีข้อมูลที่ต้องจัดเก็บมากมาย แต่ปริมาณพื้นที่จัดเก็บข้อมูลก็ไม่เพียงพอต่อข้อมูลที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้หลาย ๆ องค์กรเริ่มหันมาจัดเก็บข้อมูลบน Cloud ซึ่งเป็นแหล่งเก็บข้อมูลออนไลน์เพิ่มขึ้น
Highlight
- Cloud Storage คือ แหล่งเก็บข้อมูลออนไลน์ขนาดใหญ่ที่ผู้ให้บริการจัดเตรียมไว้ให้ ทำให้ไม่ว่าไกลแค่ไหนสามารถเรียกหรืออัปโหลดข้อมูลได้เพียงใช้รหัสเข้าใช้งานและอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อ
- ในปัจจุบันมีองค์กรหันมาใช้ Cloud Storage แทน Physical Storage เพิ่มขึ้นเพราะเพิ่มความจุเก็บไฟล์ได้ยืดหยุ่นกว่า ลดปัญหากรณีความจุเต็มได้ สามารถสำรองข้อมูล และลดความเสี่ยงข้อมูลสูญหายได้ เป็นต้น
- ก่อนเลือกใช้ Cloud Storage ควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ขนาดพื้นที่ที่ต้องการจัดเก็บไฟล์ การรองรับอุปกรณ์ที่หลากหลาย มาตรฐานความปลอดภัยของ Cloud Storage นั้น ๆ ความเร็วในการรับส่งข้อมูล และค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ เป็นต้น
- การดูแลระบบ Cloud Storage ทางองค์กรสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นผู้ดูแลระบบด้วยตัวเอง(Private Cloud) หรือจะให้ผู้ให้บริการ (Public Cloud) ดูแลให้ หรือแบบผสมผสาน (Hybrid Cloud)
- มาทำความรู้จัก Cloud Storage กัน
- ประเภทของ Cloud Storage มีอะไรบ้าง
- ทำไมทุกองค์กรถึงควรใช้ Cloud Storage
- หลักการทำงานของ Cloud Storage
- ข้อดีและข้อเสียของ Cloud Storage ที่ควรรู้ก่อนใช้งาน
- ปัจจัยใดบ้างที่ควรนำมาพิจารณาก่อนเลือกใช้ Cloud Storage
- เลือกผู้ให้บริการ Cloud Storage อย่างไรให้เหมาะกับองค์กร
- บริการ Cloud Storage จาก NT ดีอย่างไร
- บริการ Cloud Storage จาก NT ที่ผู้ใช้บริการประทับใจ ไว้วางใจใช้งาน
- สรุป Cloud Storage บริการพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
มาทำความรู้จัก Cloud Storage กัน
Cloud Storage คือ บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ผ่าน Cloud ซึ่งเป็น Server ออนไลน์ขนาดใหญ่ โดยใช้อินเทอร์เน็ตเป็นตัวเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น Smartphone หรือ Tablet หรือคอมพิวเตอร์ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเรียกใช้ข้อมูลหรืออัปโหลดข้อมูลเข้าสู่ใน Cloud ได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย
ในส่วนของการดูแลระบบ โดยส่วนมากแล้วทางผู้ให้บริการจะเป็นผู้ที่คอยดูแลระบบทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูล รวมถึงการรักษาความปลอดภัยและเสถียรภาพของระบบ และผู้ให้บริการส่วนใหญ่มีบริการสำรองข้อมูลเพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย ทำให้การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบ Online Storage ได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งในหน่วยงานรัฐและเอกชน
ประเภทของ Cloud Storage มีอะไรบ้าง
Cloud Storage มีอะไรบ้าง? ในปัจจุบัน Cloud Storage แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ซึ่ง Cloud แต่ละประเภทจะเหมาะกับรูปแบบการใช้งานและความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนี้
Public Cloud
Public Cloud คือ บริการที่ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บข้อมูลบนพื้นที่สาธารณะได้ โดยใช้ทรัพยากรร่วมกับผู้ใช้งานอื่น ๆ ผ่านผู้ให้บริการ (Host) แต่ข้อมูลของแต่ละผู้ใช้งานจะถูกแยกและป้องกันด้วยระบบรักษาความปลอดภัย เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้งานและต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบ
Private Cloud
Private Cloud คือ บริการที่องค์กรหรือผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บข้อมูลสำคัญบนโครงสร้างพื้นฐานที่องค์กรควบคุมเอง มีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูงและจำกัดการเข้าถึงข้อมูล ทำให้สามารถควบคุมความปลอดภัยและการจัดการได้อย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงและมีข้อกำหนดด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด
Hybrid Cloud
Hybrid Cloud คือ การผสมผสานระหว่าง Public Cloud และ Private Cloud เข้าด้วยกัน ทำให้องค์กรสามารถเลือกจัดเก็บข้อมูลได้อย่างเหมาะสม โดยข้อมูลที่มีความอ่อนไหวสูงจะถูกเก็บใน Private Cloud ส่วนข้อมูลทั่วไปจะถูกเก็บใน Public Cloud ช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์จากความยืดหยุ่นของ Public Cloud และความปลอดภัยของ Private Cloud พร้อมทั้งสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมทุกองค์กรถึงควรใช้ Cloud Storage
หลังจากทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Cloud Storage กันไปบ้างแล้ว คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงควรใช้ Cloud Storage ทั้ง ๆ ที่มี Physical Storage ที่คุ้นเคยอย่างพวก Hard Disk, SSD หรือ Flash Drive และสามารถใช้เก็บข้อมูลได้เหมือนกัน ในที่นี้เราจะมาบอกสาเหตุว่าทำไมถึงควรนำ Cloud Storage มาใช้ภายในองค์กรมากขึ้น ดังนี้
- มีความยืดหยุ่นในการขยายพื้นที่จัดเก็บ (Scalability) สามารถเพิ่มหรือลดขนาดพื้นที่จัดเก็บได้ทันทีตามความต้องการ โดยไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม
- มีระบบการจัดการสิทธิ์การเข้าถึง (Access Control) ที่ยืดหยุ่นและปลอดภัย สามารถกำหนดระดับการเข้าถึงข้อมูลได้หลากหลาย ตั้งแต่ระดับบุคคล ทีม หรือทั้งองค์กร
- มีระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูง (Enterprise-grade Security) ทั้งการเข้ารหัสข้อมูล การป้องกันมัลแวร์ และการตรวจจับภัยคุกคาม ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์
- มีความน่าเชื่อถือสูง (High Reliability) ด้วยระบบการทำงานแบบกระจายศูนย์ ลดความเสี่ยงจากการสูญเสียข้อมูลเนื่องจากความล้มเหลวของฮาร์ดแวร์
- มีระบบสำรองและกู้คืนข้อมูลอัตโนมัติ (Automated Backup & Recovery) พร้อมระบบติดตามประวัติการเปลี่ยนแปลงของไฟล์ (Version Control) ทำให้สามารถกู้คืนข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- คุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว (Cost-effective) ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์ ค่าไฟฟ้า และบุคลากรด้านไอที โดยจ่ายเฉพาะพื้นที่ที่ใช้งานจริง
- รองรับการทำงานจากทุกที่ (Anywhere Access) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันและความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ
หลักการทำงานของ Cloud Storage
การเก็บข้อมูลบน Cloud มีหลักการทำงานที่เป็นระบบไม่ซับซ้อน โดยมีขั้นตอนดังนี้:
- การอัปโหลดข้อมูล: ผู้ใช้งานอัปโหลดข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตไปยัง Cloud Storage โดยข้อมูลจะถูกเข้ารหัส (Encryption) ระหว่างการส่งเพื่อความปลอดภัย
- การประมวลผลข้อมูล: ข้อมูลที่อัปโหลดจะถูกส่งไปยังเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ ซึ่งจะทำการประมวลผลและจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ
- การจัดเก็บข้อมูล: ข้อมูลจะถูกจัดเก็บในศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้น ทั้งทางกายภาพและดิจิทัล โดยมีการสำรองข้อมูลอัตโนมัติไว้ในหลายพื้นที่เพื่อป้องกันการสูญหาย
- การเข้าถึงข้อมูล: ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ผ่านระบบยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย เช่น รหัสผ่าน, การยืนยันตัวตนสองชั้น (Two-factor Authentication) หรือระบบ Single Sign-On โดยสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงได้หลายระดับตามความเหมาะสม
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้องค์กรต่าง ๆ ในปัจจุบันใช้ Cloud Storage บริการพื้นที่จัดเก็บซึ่งจะช่วยเก็บข้อมูลสำคัญของผู้ใช้งานอย่างปลอดภัย พร้อมเรียกใช้งานได้ตามเวลาที่ต้องการ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเข้าถึงข้อมูลจากบุคคลภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งยังมีระบบสำรองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น
ข้อดีและข้อเสียของ Cloud Storage ที่ควรรู้ก่อนใช้งาน
Cloud Storage มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่องค์กรควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจใช้งาน โดยเฉพาะในยุคที่นโยบาย Bring Your Own Device (BYOD) กำลังเป็นที่นิยม เพื่อให้การเลือกใช้บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร ดังนี้
ข้อดีของ Cloud Storage
- ความสะดวกในการเข้าถึง: สนับสนุนนโยบาย BYOD โดยพนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากอุปกรณ์ส่วนตัวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือโน้ตบุ๊ก ผ่านการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย
- ความยืดหยุ่นในการใช้งาน: สามารถปรับขนาดพื้นที่จัดเก็บได้ตามความต้องการแบบทันที (On-demand Scalability) โดยไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม
- ความปลอดภัยของข้อมูล: มีระบบสำรองข้อมูลอัตโนมัติ การกู้คืนข้อมูล และระบบติดตามประวัติการเปลี่ยนแปลง (Version Control) ที่มีประสิทธิภาพ
- ความคุ้มค่าในระยะยาว: ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์ ระบบไฟฟ้า และบุคลากรไอที โดยเฉพาะสำหรับองค์กรที่มีปริมาณข้อมูลมาก
ข้อเสียของ Cloud Storage
- การพึ่งพาอินเทอร์เน็ต: ประสิทธิภาพการใช้งานขึ้นอยู่กับความเสถียรและความเร็วของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ควรมีแผนสำรองกรณีการเชื่อมต่อมีปัญหา
- ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย: ต้องพิจารณาเลือกผู้ให้บริการที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง มีการรับรองมาตรฐานสากล และมีนโยบายการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
- การวิเคราะห์ความคุ้มค่า: อาจมีต้นทุนสูงสำหรับองค์กรขนาดเล็กหรือการใช้งานระยะสั้น ควรวิเคราะห์ความคุ้มค่าเทียบกับทางเลือกอื่น และพิจารณารูปแบบการคิดค่าบริการที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน
- ความท้าทายในการย้ายข้อมูล: การย้ายข้อมูลจำนวนมากไปยังระหว่างผู้ให้บริการ Cloud อาจใช้เวลาและทรัพยากรมาก จึงควรวางแผนการย้ายข้อมูลอย่างรอบคอบ
ปัจจัยใดบ้างที่ควรนำมาพิจารณาก่อนเลือกใช้ Cloud Storage
แม้ว่า Cloud Storage จะช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมากให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย และไม่ต้องกังวลเรื่องขนาดและความจุมากนัก แต่ก็จะมีสิ่งที่จำเป็นต้องคำนึงถึงเพื่อเลือกใช้บริการคลาวด์ซึ่งก็คือบริการให้ยืมพื้นที่กักเก็บข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนี้
- ค่าใช้จ่าย โดยปกติแล้วการใช้บริการเก็บข้อมูลบน Cloud มีค่าใช้จ่ายต่างกันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น ปริมาณขนาดความจุ ระดับความปลอดภัย การเข้าถึงข้อมูล ดังนั้นก่อนเลือกใช้บริการ Cloud Storage จะต้องพิจารณาถึงความจำเป็นในการใช้งานเพื่อเลือกบริการที่เหมาะสมกับรูปแบบองค์กร
- ขนาดและประเภทของข้อมูลที่ต้องการจัดเก็บ ควรพิจารณาข้อมูลที่มีการใช้งานภายในองค์กร หากภายในองค์กรใช้ข้อมูลปริมาณมากก็จะต้องเลือกเช่า Cloud ที่ให้ความจุพื้นที่เยอะ ในกรณีที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลที่ต้องการความปลอดภัยสูง ควรเลือกบริการเก็บข้อมูลด้วย Private Cloud เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลไปยังภายนอก
- บริการสำรองข้อมูล ในบางครั้งข้อมูลอาจมีการสูญหายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจากภัยพิบัติหรือมีเหตุขัดข้องต่าง ๆ ระหว่างทำงาน ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ Cloud Storage กับผู้ให้บริการที่มีการสำรองและกู้ข้อมูลให้ในกรณีที่ไฟล์สูญหาย
- บริการปรับขนาด การจัดเก็บข้อมูลนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางครั้งไฟล์อาจจะมีขนาดเพิ่มขึ้น หรือบางครั้งไฟล์อาจจะมีขนาดรวมลดลง ดังนั้นจึงควรสอบถามการให้บริการเรื่องปรับขนาด Cloud Storage กับผู้ให้บริการก่อน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการทำงานภายในองค์กร
เลือกผู้ให้บริการ Cloud Storage อย่างไรให้เหมาะกับองค์กร
หลังจากที่อ่านปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาก่อนใช้ Cloud Storage กับองค์กรของตนเองแล้ว ก็จะต้องพิจารณาเลือกผู้ให้บริการอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่คุณฝากฝังไว้จะไม่เกิดการสูญหายหรือรั่วไหลไปยังแหล่งอื่น ๆ โดยจะต้องพิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้
- ระบบความปลอดภัย ผู้ให้บริการจะต้องมีระบบความปลอดภัยที่มีมาตรฐาน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บข้อมูลได้อย่างปลอดภัย
- พื้นที่การใช้งาน จะต้องเลือกผู้ให้บริการที่จัดสรรพื้นที่กักเก็บข้อมูลในปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานได้อย่างไม่ติดขัด
- ฟังก์ชันการใช้งาน ระบบ Cloud Storage ของผู้ให้บริการควรมีฟังก์ชันที่หลากหลาย ตอบโจทย์การใช้งานภายในองค์กร เช่น การแชร์ไฟล์ใน Cloud ไปยังแอปพลิเคชันอื่น ๆ หรือการสร้างเอกสารข้อมูลเพิ่มใน Cloud
- การเข้าถึงไฟล์ Cloud Storage ที่ควรรองรับการเข้าถึงไฟล์จากอุปกรณ์หลายรูปแบบนอกเหนือจากคอมพิวเตอร์ เช่น Smart Phone หรือ Tablet เพื่อสามารถใช้งานข้อมูลได้ทุกเมื่อ
- ราคาค่าบริการ ควรมีค่าบริการ Cloud Storage ที่สมเหตุสมผล สอดคล้องกับฟังก์ชันบริการที่ได้รับ
บริการ Cloud Storage จาก NT ดีอย่างไร
NT บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติมีการดำเนินงานด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมมาอย่างยาวนานกว่า 65 ปี ซึ่งทางเราก็มีบริการ Cloud Server ที่สามารถเลือกใช้บริการ Cloud Storage ในรูปแบบที่ต้องการได้ ดังนี้
- IDC & Cloud บริการข้อมูลอินเทอร์เน็ตครบวงจร สามารถรองรับการเชื่อมต่อ Cloud Data ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีบริการฝากเว็บไซต์ โดยใช้ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง
- Cloud Wan บริการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างสำนักงานผ่านอุปกรณ์ NT Cloud WAN BOX โดยใช้ Leased Line, IP VPN, FTTx หรือ 4G/LTE เชื่อมต่อ เหมาะกับองค์กรที่ต้องส่งข้อมูลจำนวนมาก
- Cloud Conference ระบบประชุมทางไกลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้งานสามารถเข้าร่วมประชุมผ่านคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์พกพา เช่น Smart Phone ทั้งระบบ iOS และ Android
- Cloudbox บริการพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ผ่านระบบ Cloud ที่มีความเสถียรภาพและปลอดภัยสูงอีกทั้งยังมีระบบตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังและอื่น ๆ
- CCTV on Cloud บริการระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่จัดเก็บข้อมูลบน Cloud ผ่านอินเทอร์เน็ต และมีระบบ Stand Alone จัดเก็บข้อมูลบน Private Cloud ผ่านอุปกรณ์ที่ปลอดภัย
- IRIS Backup บริการสำรองข้อมูล ช่วยป้องกัน รักษาข้อมูลไม่ให้สูญหาย และมีระบบกู้ข้อมูลตามวันและเวลาที่ต้องการได้ และมีระบบตรวจสอบการจัดเก็บข้อมูลที่ซ้ำกันเพื่อประหยัดพื้นที่ใช้งาน
- Cloud Service บริการสำรองข้อมูลในรูปแบบ IaaS ซึ่งรวมบริการ license ระบบปฏิบัติการ Windows Server ซึ่งผู้ใช้งานสามารถจัดการทรัพยากรและเลือกสถานที่ใช้บริการได้ด้วยตัวเอง
- Carrier Data Center บริการพื้นที่ศูนย์ข้อมูลสำหรับติดตั้งอุปกรณ์เน็ตเวิร์คหรืออุปกรณ์อื่นๆ เพื่อเชื่อมต่อวงจรภายใต้ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน
- Hosted PBX (Cloud PBX) บริการเช่าตู้สาขาโทรศัพท์ผ่าน Cloud Computing เพื่อติดต่อกันโดยใช้เลขภายในโทรไปยังปลายสาย โอนสาย พักสาย ดึงสาย และมีระบบเสียงตอบอัตโนมัติ
- Contact Center บริการเฉพาะระบบซึ่งแตกย่อยเป็นบริการอื่น ๆ ให้เลือก เช่น บริการข้อมูลข่าวสาร บริการรับเรื่องติชมหรือร้องเรียน บริการแนะนำและขายสินค้าทางโทรศัพท์ และอื่น ๆ
บริการ Cloud Storage จาก NT ที่ผู้ใช้บริการประทับใจ ไว้วางใจใช้งาน
จากบริการ Cloud ด้านต่าง ๆ ของ NT ที่ได้นำเสนอไป จะเห็นได้ว่า NT มีบริการที่หลากหลายเพื่อใช้ตอบโจทย์หน่วยงานต่าง ๆ ในแต่ละด้าน ยกตัวอย่างเช่น โรงเรียนนาคดีอนุสรณ์ จังหวัดสมุทรปราการ ที่ให้ความสำคัญกับการจัดเก็บข้อมูลโดยใช้ระบบ Cloud Storage เนื่องจากปัจจุบันทางโรงเรียนพบปัญหาเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบที่เป็นเอกสารจำนวนมาก ทั้งเอกสารภายใน เอกสารส่งออก ภาพกิจกรรมต่าง ๆ หรือสื่อการสอนวีดิทัศน์ ซึ่งแต่ละปีก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น แต่โรงเรียนมีความจำเป็นต้องเก็บเอกสารเหล่านี้ไว้ใช้ในอนาคต
ทางโรงเรียนจึงมีความไว้วางใจให้ NT เข้ามาช่วยให้คำปรึกษาและวางแผนพัฒนาระบบ Cloud Storage เพื่อการจัดเก็บเอกสารต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังได้กล่าวถึงความประทับใจต่อ NT ดังนี้
“ทางเรามีความประทับใจในสินค้าและบริการของ NT ในหลายส่วน โดยเฉพาะเรื่องการบริการที่มีความรวดเร็วในการเข้ามาแก้ไขปัญหา ทั้งในเรื่องของอินเทอร์เน็ตและเรื่องระบบเครือข่ายภายในโรงเรียน ทาง NT มีการติดต่อสื่อสารกับทางโรงเรียนเป็นอย่างดีอยู่เสมอ ช่วยดูแลให้คำแนะนำเป็นอย่างดี อีกทั้งในส่วนของความเสถียรของอินเทอร์เน็ตที่มีความเสถียรค่อนข้างมาก ทำให้สะดวกในการใช้งาน” คุณยุรี อินทรพันธ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนฯ
สรุป Cloud Storage บริการพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ระบบ Cloud Storage เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาองค์กรยุคดิจิทัล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการข้อมูลและความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ เหมาะสำหรับองค์กรทุกขนาดทั้งภาครัฐและเอกชน
การเลือกใช้ Cloud Storage ที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร พร้อมทั้งมีการวางแผนการใช้งานและนโยบายความปลอดภัยที่รัดกุม จะช่วยยกระดับการดำเนินงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งเรา NT เป็นผู้ให้บริการที่มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยให้องค์กรของคุณมีระบบการจัดเก็บข้อมูลที่เหมาะสม ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ พร้อมสนับสนุนให้การทำงานทุกขั้นตอนราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
สนใจบริการ Cloud Storage หรืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับธุรกิจจาก NT ติดต่อได้ที่
- Facebook : NT shop กรุงเทพและปริมณฑล
- Line@ : @NTSMESolutionBKK
- Tel: 02-575-5151
References
Muhammad Raza. (2024, 20 September). Public vs Private vs Hybrid: Cloud Differences Explained. bmcblogs. https://www.bmc.com/blogs/public-private-hybrid-cloud/
Box News. (2023, 11 January). Cloud storage vs. cloud computing. boxblogs. https://blog.box.com/cloud-storage-vs-cloud-computing
Lydia Pang. (2023, 31 March). What is cloud storage and how does it work?. Proton. https://proton.me/blog/cloud-storage