บทความนี้จะนำคุณมารู้จักกับ Smart Classroom พัฒนาการใหม่ของการศึกษาในห้องเรียน และความสำคัญกับโลกดิจิทัลที่จะทำให้เมืองกลายเป็น Smart City
Smart classroom คืออะไร? สำคัญอย่างไรในยุคดิจิทัล
การเข้ามาของอินเทอร์เน็ตส่งผลให้เทคโนโลยีต่าง ๆ ของโลกนั้นถูกพัฒนาขึ้นไปอย่างก้าวกระโดด รวมไปถึงรากฐานสำคัญของโลก ที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องนั่นก็คือ “ระบบการศึกษา” ซึ่งการเข้ามาของยุคดิจิทัล ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ของการเรียนการสอนที่มีชื่อว่า “Smart Classroom” หรือ “ห้องเรียนอัจฉริยะ”
ทำความรู้จักกับ Smart Classroom
Smart Classroom คือการนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมภายในห้องเรียนตามหลัก Smart School เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดต่อการเรียนรู้ โดยการนำนวัตกรรม เครื่องมือที่ทันสมัย และมัลติมีเดียต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในห้องเรียน
ยกตัวอย่างเช่น ระบบนำเสนอการเรียนการสอนผ่านจอมอนิเตอร์ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คหรือแท็บเล็ตสำหรับผู้เรียน และอื่น ๆ เพื่อก่อให้เกิดการเรียนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย Smart Classroom นั้นจะถูกสร้างขึ้นมาได้ จะต้องมีองค์ประกอบทั้ง 5 ดังนี้
องค์ประกอบทั้ง 5 ของ Smart Classroom
- S: Showing มีเทคโนโลยีที่ผู้สอนต้องการจะนำเสนอออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น อุปกรณ์มัลติมีเดียต่าง ๆ อย่างคอมพิวเตอร์ เครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์ รวมไปถึงซอฟแวร์จำเป็นต่าง ๆ
- M: Manageable มีระบบการบริหารด้านสื่อ วัสดุอุปกรณ์ รวมถึงสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียนที่จำเป็นต่อการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม เช่น คอมพิวเตอร์สำหรับผู้เรียน เครื่องปรับอากาศ ระบบอินเทอร์เน็ต
- A: Accessible สามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ต่าง ๆ ของห้องเรียนได้ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น ebook ประกอบบทเรียน หรือ การเรียนการสอนแบบย้อนหลัง
- R: Real-time interactive ผู้สอนและผู้เรียนสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ผ่านเทคโนโลยีภายในห้องเรียนได้
- T: Testing มีบททดสอบที่สามารถวัดระดับความรู้ความเข้าใจของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นการยกระดับของการเรียนในห้องเรียนแบบดั้งเดิม มีจุดเด่นที่เน้นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน และผู้สอนโดยมีมัลติมีเดียต่าง ๆ เป็นสื่อกลาง อีกทั้งผู้สอนยังสามารถวัดผลลัพท์ ตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของผู้เรียนได้อย่างเต็มที่อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดของ Smart Classroom ก็ได้มีการนำมาประยุกต์ใช้ภายในห้องประชุมของสถานประกอบการต่าง ๆ เพื่อยกระดับความเข้าใจระหว่างผู้สื่อสาร และผู้รับสารด้วยเช่นกัน
Smart Classroom กับยุคดิจิทัล
แนวคิดของ Smart Classroom หรือห้องเรียนอัจฉริยะนั้นถูกคิดค้นขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการให้ผู้เรียนนั้นได้รับสารอย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด รวมถึงขยายขอบเขตของการเรียนรู้ได้อย่างไม่จำกัด การเข้ามาของยุคดิจิทัลที่มีอินเทอร์เน็ตเป็นปัจจัยสำคัญจึงทำให้ Smart Classroom สามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
โดยการประยุกต์ใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีกับ Smart Classroom นั้น สามารถสร้างข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมได้ ดังนี้
1. ขอบเขตของการเรียนรู้มีไม่จำกัด
ในระหว่างการเรียนการสอน ผู้เรียนสามารถใช้อินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์เพื่อค้นหาความรู้เพิ่มเติมของสิ่งที่เรียนได้ในทันที ทำให้เปิดกว้างต่อการคิดและการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างเต็มที่ รวมถึงตัวผู้สอนเองก็สามารถนำเสนอข้อมูลสมทบเพิ่มเติมได้ด้วยเช่นกัน
2. การประมวล Data จากตัวผู้เรียน
ระบบสามารถบันทึกสถิติต่าง ๆ ของผู้เรียนเอาไว้ได้อย่างเป็นดี เช่น ปฏิสัมพันธ์ของผู้เรียนขณะอยู่ในห้องเรียน หรือคะแนนจากผลการทดสอบต่าง ๆ ซึ่งสามารถนำข้อมูลมาประมวลเพื่อวิเคราะห์ และออกแบบแผนการเรียนการสอนให้เหมาะสมได้ง่ายดายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถติดตามระดับความก้าวหน้าของผู้เรียนแต่ละคน เพื่อการให้คำปรึกษาได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย
3. เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ได้จากทุกที่
ในกรณีที่ต้องการทบทวนบทเรียน หรือดูการเรียนการสอนแบบย้อนหลัง ก็สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่เพียงแค่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตไว้เท่านั้น
>> อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “Smart Grid” ตัวช่วยที่ทำให้ความรู้และเทคโนโลยีเข้าถึงทุกคน
4. เรียนรู้อย่างสมจริง
การเรียนสมัยใหม่มักจะเน้นกระบวนการเรียนรู้มากกว่าการเรียนแค่เฉพาะในทฤษฎี ซึ่งห้องเรียนอัจฉริยะ หรือ Smart Classroom จะตอบโจทย์การเรียนสมัยใหม่ได้มากกว่า เพราะสามารถรองรับการทำกิจกรรมต่าง ๆ ผู้สอนสามารถสร้างสื่อการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเสมือนได้มีส่วนร่วมอยู่ในสถานที่จริง ทั้ง ๆ ที่เรียนอยู่ที่บ้าน โดยไม่มีข้อจำกัดด้านสภาพแวดล้อมใด ๆ
5. เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์
ห้องเรียนอัจฉริยะนั้นมีอุปกรณ์สำหรับการสอนครบครัน ทำให้ผู้สอนสามารถสอนหนังสือได้อย่างเต็มที่ ผู้เรียนจึงมีความรู้สึกร่วมในเนื้อหา บรรยากาศการเรียนสนุกสนานมากขึ้น อีกนัยหนึ่งเมื่อการเรียนการสอนสามารถทำได้ทุกรูปแบบก็จะเป็นตัวช่วยเสริมสร้างจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ให้ผู้เรียนได้ด้วย
นอกจากการเรียนสมัยใหม่จะมีตัวช่วยอย่างห้องเรียนอัจฉริยะ หรือ Smart Classroom แล้ว ยังต้องมีการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ที่เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยยกระดับให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการใช้ Flipped Classroom ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนหาความรู้จากอินเทอร์เน็ตนอกเวลาเรียน ควบคู่ไปกับการดูวิดีโอการสอนผ่านช่องทางออนไลน์ และเน้นทำกิจกรรม หรือการบ้านในเวลาเรียนเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม เสริมกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนให้สามารถนำไปต่อยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Smart Classroom x Flipped Classroom เสริมการเรียนสมัยใหม่
อย่างที่ทุกคนทราบดีว่า Smart Classroom นั้นเป็นการนำเทคโนโลยี อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ มาช่วยพัฒนา อำนวยความสะดวกการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และหากยิ่งนำ Flipped Classroom เข้ามาประยุกต์ใช้เป็นตัวช่วยจะทำให้เกิดประโยชน์ด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย
- ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหามากขึ้น เนื่องจากผู้เรียนได้ดูวิดีโอการสอนนอกห้องเรียนมาก่อน ทำให้มีเวลาหาความรู้เพิ่มเติมผ่านช่องทางต่าง ๆ ด้วยตนเอง หรือสามารถปรึกษาผู้สอนได้ในช่วงเวลาก่อนเข้าเรียน ส่วนในช่วงเวลาเรียนจะเน้นให้ผู้เรียนได้ทำแบบฝึกหัด หรือกิจกรรมที่เกี่ยวกับบทเรียน ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจบทเรียนมากกว่าเดิม
- ผู้สอนมีบทบาทมากขึ้น เมื่อ Flipped Classroom ไม่ได้โฟกัสแค่การสอนเพียงอย่างเดียว จึงทำให้ผู้สอนมีเวลามากขึ้น และเริ่มเข้ามามีบทบาทกลายเป็นคนให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเนื้อหาการเรียนแก่เด็ก ๆ ซึ่งต่างจากเดิมที่ผู้สอนจะโฟกัสการสอนเพียงอย่างเดียว
- ลดข้อจำกัดในการเรียน หนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยของเด็กวัยเรียนคือปัญหาการเรียนไม่ทันเพื่อน ไม่ว่าจะมาจากการเจ็บป่วย ขาดเรียน หรือเข้าใจบทเรียนได้ช้า แต่ปัญหาเหล่านี้จะลดลง เนื่องจาก Flipped Classroom จะช่วยให้นักเรียนสามารถเปิดดูคลิปย้อนหลังได้ตลอดเวลา จึงช่วยลดข้อจำกัดในส่วนนี้ไปได้
จะเห็นว่าห้องเรียนอัจฉริยะ หรือ Smart Classroom ที่ลองนำการสอนแบบ Flipped Classroom มาเสริมนั้น มีส่วนช่วยสร้างผลลัพธ์ให้การเรียนรู้ของเด็ก ๆ มีประสิทธิภาพ เข้าใจเนื้อหาที่สอนมากขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย
ปัจจุบัน Smart Classroom หรือห้องเรียนอัจฉริยะ กำลังได้รับความนิยม ได้มีการนำแนวคิดนี้ไปใช้ภายในสถานศึกษาหลายแห่ง เพื่อให้เหล่านักเรียนมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และบรรลุผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาได้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผู้สอนก็นับว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่จะสามารถดึงศักยภาพของ Smart Classroom นี้ออกมาได้ดีที่สุด ผู้สอนจึงต้องมีการไตร่ตรองแผนการเรียนการสอน มีเทคนิคการนำเสนอ และมีความเอาใจใส่ที่ดี ผู้เรียนจึงจะเกิดการพัฒนาตามจุดประสงค์
หากสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Contact Center เบอร์ 1888
หรือติดต่อผ่านทางเว็บไซต์ www.nt-metro-service.com/contact-us